หลักสูตรนี้ไม่เพียงแต่จะบอกเรื่องคริสตจักรเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นว่าอวัยวะแต่ละส่วนในพระกายของพระคริสต์จะใช้งานให้มากขึ้นได้อย่างไรในเวลาที่พวกเขานำสิ่งที่พวกเขาเรียนรู้ไปปฏิบัติ หนังสือความยาว 110 หน้านี้เขียนโดยโดนัล สมีตัน จะช่วยให้ผู้เชื่อมีความเข้าใจที่ดีขึ้นเกี่ยวกับหน้าที่ของตนในคริสตจักรและยังแสดงให้พวกเขาเห็นว่าจะต้องบรรลุศักยภาพของตนเองในฐานะส่วนหนึ่งที่ขาดเสียไม่ได้ในพระกายของพระคริสต์

พระเยซูคริสต์ตรัสว่า “เราจะสร้างคริสตจักรของเราไว้และพลังแห่งความตายจะมีชัยต่อคริสตจักรไม่ได้” (มัทธิว 16:18) นี่คือพระสัญญาอันยิ่งใหญ่
พระเจ้าทรงมีแผนการสำหรับคริสตจักรของพระองค์ตั้งแต่แรกเริ่มสร้างโลกมาแล้ว เราจะเห็นแผนการของพระเจ้าในอนาคตด้วยเช่นกัน พระเจ้าทรงจัดเตรียมสิ่งที่ยิ่งใหญ่ไว้สำหรับเรา แม้ว่าเดี๋ยวนี้เรากำลังประสบกับปัญหา เราสามารถมองได้ด้วยความเชื่อทะลุไปสู่อนาคตได้

พระเจ้าทรงมีแผนการนิรันดร์สำหรับคริสตจักรซึ่งเราได้เรียนกันมาแล้วในบทที่ 1 เราทราบว่าพระเจ้าทรงทำพระราชกิจของพระองค์ในคริสตจักรตามแผนการที่ได้ทรงวางไว้ จนกว่าจะสำเร็จสมบูรณ์ แล้วพระเยซูคริสต์จะเสด็จกลับมาในโลกนี้อีกครั้ง รับคริสตจักรไปอยู่ร่วมกับพระองค์ในสวรรค์
ในบทนี้ เราจะศึกษาคริสตจักรจากมุมมองของโลก เมื่อพระเยซูคริสต์ตรัสว่า “เราจะสร้างคริสตจักรของเรา” นั้นหมายความว่า พระองค์กำลังตรัสว่า “อยู่บนโลก” ในบทนี้เราจะเริ่มจากเหตุการณ์ในวันเพ็นเทคอสต์เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

พระเยซูคริสต์ตรัสว่า “เราจะสร้างคริสตจักรของเราไว้” คำว่า “คริสตจักร” ที่พระเยซูคริสต์ตรัสนั้นหมายถึงอะไร แล้วพวกสาวกเข้าใจคำนี้อย่างไรบ้าง

เราได้ศึกษากันมามากพอสมควรเกี่ยวกับเรื่องราวในอดีตของคริสตจักรและได้เรียนรู้ความหมายของคำว่า “คริสตจักร” ดังนั้นในบทนี้เราจะพิจารณากันตามสภาพในปัจจุบัน พวกเราไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับอดีตแต่เราใช้ชีวิตของเราอยู่ในโลกปัจจุบัน
เราได้ศึกษากันมามากพอสมควรเกี่ยวกับเรื่องราวในอดีตของคริสตจักรและได้เรียนรู้ความหมายของคำว่า “คริสตจักร” ดังนั้นในบทนี้เราจะพิจารณากันตามสภาพในปัจจุบัน พวกเราไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับอดีตแต่เราใช้ชีวิตของเราอยู่ในโลกปัจจุบัน

ผู้ที่เชื่อในพระเจ้าเท่านั้นที่เป็นสมาชิกอันแท้จริงในคริสตจักรของพระเจ้า บทที่แล้ว เราได้เรียนรู้ว่าผู้ที่เชื่อในพระเยซูนั้นมีชื่อเรียกหลายชื่อเช่น สาวก ธรรมิกชน พี่น้องคริสเตียนหรือ คริสตชนแต่ละชื่อก็บอกความหมายให้เราเข้าใจลักษณะของผู้ที่เชื่อ
ในทางเดียวกันคริสตจักรก็มีชื่อเรียกต่าง หลายชื่อแต่ละชื่อนั้นจะบอกความหมายให้เราเข้าใจลักษณะของคริสตจักร เราจะพิจารณาชื่อซึ่งใช้เรียกคริสตจักรตามที่พระคัมภีร์มักชอบใช้บ่อยๆคือ คริสตจักรเปรียบเสมือนกายเดียวกัน เราจะมีโอกาสศึกษาและเรียนรู้ด้วยกันว่ามีความหมายอย่างไร

ในบทก่อนเราได้เรียนว่า คริสตจักรเป็นเหมือนกายเดียวกันอย่างไร ได้เรียนรู้ว่าผู้คนที่แตกต่างกันนั้นก็ยังสามารถรวมกันเป็นหนึ่งได้และได้เรียนรู้ว่าเราเองสามารถทำประโยชน์อะไรให้แก่คนอื่นได้บ้าง
บทนี้ก็เช่นเดียวกัน เราต้องเรียนรู้การปรนนิบัติผู้อื่น ถ้าเราไม่แบ่งปันสิ่งดีให้ใครหรือไม่หนุนใจ ไม่เสริมกำลังเขาก็เท่ากับว่าเรากำลังทำลายเขา เท่ากับเราเป็นผู้ฉกชิงเอาความช่วยเหลือนั้นไปจากเขาเพราะฉะนั้นบทเรียนนี้จะสอนท่านให้รู้จักการทำหน้าที่ในส่วนของตนต่อพระกายของพระคริสต์

ในบทที่แล้ว เราได้เข้าใจแล้วว่า ผู้เชื่อต่างก็มีความรับผิดชอบต่อกัน ผู้เชื่อทุกคนต่างก็มีส่วนในครอบครัวของพระเจ้า มีความสัมพันธ์ต่อพี่น้องชายหญิงเป็นพิเศษในพระคริสต์
นอกเหนือจากนี้ คริสตจักรยังมีหน้าที่รับผิดชอบต่อคนอื่นๆ ที่ยังไม่เชื่อพระเจ้าด้วย คริสเตียนจะเอาแต่รับผิดชอบใส่ใจเฉพาะคริสเตียนด้วยกันเช่นนั้นไม่ได้ ดังนั้นในบทนี้เราจะเรียนรู้หน้าที่ของผู้เชื่อที่พึงมีต่อผู้ที่ไม่เชื่อ

ในบทนี้ เราจะศึกษาถึงสิ่งที่คริสตจักรต้องทำอะไรบ้างในการรับใช้และเชื่อฟังพระเจ้า