ท่านอยากรู้อะไรบ้าง • พระเยซูคือใคร • ท่านจะรู้จักพระองค์ให้ดีขึ้นได้ยังไง • พระองค์ทรงกระทำอะไรเพื่อท่านบ้าง หากคำตอบของท่านคือ “ใช่เลย” บทเรียนนี้ “พระเยซูคือใคร” ก็เหมาะสำหรับท่านแล้ว เช่นเดียวกับผู้อ่านหลายพันคนทั่วโลก เมื่อท่านนำหลักการของหนังสือเล่มนี้ไปปฏิบัติ หนังสือเล่มนี้จะทำให้ชีวิตฝ่ายวิญญาณของท่านดีขึ้นอย่างมาก
ขอเริ่มต้นด้วยการถามว่า ท่านคิดว่าพระเยซูคือใคร บางคนบอกว่า “พระองค์ก็คือพระอาจารย์ที่ยิ่งใหญ่” บางคนบอกว่าพระองค์เป็นผู้เผยพระวจนะ เป็นนักปรัชญา เป็นพระของคนตะวันตกหรือเป็นคนดีคนหนึ่งที่เป็นแบบอย่างให้ผู้คนดำเนินตาม
พระเยซูทรงเป็นครูและผู้เผยพระวจนะที่ยอดเยี่ยมแต่พระองค์ทรงเป็นมากกว่านั้น ทรงเป็นมากกว่านักปรัชญาหรือแบบอย่างที่ดีสำหรับเรา ในบทนี้ เราจะเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับพระเยซูผู้นี้
คำสัญญาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา เราต่างก็รอถ้ามีใครสักคนมารักษาสัญญาที่ให้ไว้กับเรา บางทีก็ต้องรอนานและบางครั้งเราก็ผิดหวัง
พระเจ้าทรงสัญญาเช่นกัน เป็นเวลาหลายศตวรรษก่อนที่พระเยซูจะประสูติ พระเจ้าทรงสัญญาว่าพระเมสสิยาห์จะเสด็จมา พระองค์ตรัสผ่านผู้เผยพระวจนะของพระองค์ ทรงอธิบายไว้ถึงบุคคลนี้และสิ่งที่พระองค์จะทำ
ข้อเท็จจริงบางอย่างเกี่ยวกับพระเจ้าก็เข้าใจได้ง่ายกว่าข้อเท็จอื่นๆ ตัวอย่างเช่น เราสามารถเข้าใจว่าพระเจ้าเป็นเหมือนพ่อได้ไม่ยากเกินไป เราเห็นว่าพ่อที่ดีจะเลี้ยงดูลูกๆและรักพวกเขา
ข้อเท็จจริงอื่นๆเกี่ยวกับพระเจ้าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเข้าใจ ข้อเท็จจริงประการหนึ่งเกี่ยวกับพระเจ้าที่เข้าใจยากคือ หัวข้อของบทเรียนนี้นั่นคือ ความจริงที่ว่าพระเยซูทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า
ในจักรวาลทั้งสิ้นแล้ว พระเยซูทรงเป็นหนึ่งเดียว ไม่มีผู้ใดเหมือนพระองค์เพราะพระองค์ทรงเป็นทั้งพระเจ้าและมนุษย์ นี่คือสิ่งที่พระคัมภีร์สอน
แต่ทำไมพระเยซูถึงอยากเกิดเป็นมนุษย์ สิ่งที่พระองค์ทรงทำก็เหมือนกับเศรษฐีที่ละทิ้งคฤหาสน์อันสวยงามและทุกสิ่งที่เขามี มากลายเป็นคนจนอย่างน่าสังเวช เป็นเหมือนกับกษัตริย์ผู้ทรงอำนาจที่ปล่อยให้ทุกคนที่เคารพและเชื่อฟังเขามากลายเป็นที่เกลียดชังและถูกดูหมิ่น
ท่านเคยเดินในความมืดและปรารถนาแสงสว่างเพื่อให้มองเห็นหรือไม่ ท่านไม่รู้ว่าอันตรายอะไรจะเกิดขึ้นกับสองฝั่งหรือในทางที่เท่านเดินไป ท่านสามารถเข้าใจได้อย่างง่ายดายว่าทำไมพระคัมภีร์จึงใช้ความมืดเป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้าย ความผิดพลาด ความไม่แน่นอน ปัญหาและความตาย สิ่งเหล่านี้แหละที่ทำให้เราหวาดกลัวและสับสน
ท่านเคยศึกษาหลายสิ่งหลายอย่างเกี่ยวกับพระเยซูมาแล้ว ได้เรียนรู้ว่าพระองค์ทรงเป็นพระเมสสิยาห์ที่ทรงสัญญาไว้ เป็นพระบุตรของพระเจ้า บุตรมนุษย์ พระคำของพระเจ้าและเป็นแสงสว่างของโลก ฐานะที่ว่ามาเหล่านี้บอกเราถึงความจริงที่สำคัญว่าพระองค์ทรงเป็นใคร การมองดูสิ่งที่พระเยซูทำก็เป็นอีกวิธีหนึ่งในการทำความเข้าใจว่าพระองค์ทรงเป็นใคร ในบทนี้ เราจะพิจารณาพระราชกิจสองประการของพระองค์: พระเยซูทรงรักษาร่างกายและจิตวิญญาณของเราและพระเยซูทรงให้บัพติศมาเราด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์
ท่านได้เรียนมาแล้วว่าพระเยซูทรงรักษาและให้บัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ แต่มีอีกสิ่งหนึ่งที่พระองค์ทรงทำซึ่งเป็นงานที่สำคัญที่สุด: พระเยซูทรงช่วยให้รอด พระคัมภีร์กล่าวว่าพระเยซูเสด็จมาเพื่อแสวงหาและช่วยเหลือผู้ที่หลงหาย ข้อความง่ายๆ นี้เป็นความหมายของศาสนาคริสต์ ศาสนาอื่นๆพยายามเสนออุดมคติอันสูงส่งให้กับชีวิตแต่พวกเขาไม่ให้อำนาจที่แท้จริงแก่ผู้ติดตามในการเอาชนะความชั่วร้าย
ความตายเป็นสิ่งสุดท้ายที่มนุษย์ทุกคนต้องเผชิญในวาระสุดท้ายของชีวิต — เกิดขึ้นแน่นอน หนีไม่พ้น ไม่ว่าจะรวยหรือจนทุกคนจะต้องประสบเหมือนๆกันในวันหนึ่ง ความตายนำมาซึ่งความรู้สึกที่น่าสยดสยองและน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง สำหรับคนส่วนใหญ่ แม้แต่ความคิดเรื่องความตายก็ยังทำให้เกิดความหวาดกลัวและตระหนกตกใจ แต่สาหรับผู้ที่เชื่อในพระเยซูคริสต์ความตายกลับเป็นสิ่งสวยงามที่เห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจนนั่นคือ เขาทั้งหลายไม่ต้องกลัวตายอีกต่อไป ทำไมน่ะหรือ ก็เพราะว่าเขาได้วางใจในผู้หนึ่งซึ่งได้เป็นขึ้นมาจากความตายและมีชีวิต
ในโลกนี้ มีบางคนอยู่ในแวดวงสังคมที่เป็นคนมีอานาจเหนือคนอื่นๆ สังคมอย่างนี้ก็ไม่แตกต่างไปจากสังคมในสมัยที่พระเยซูมาบังเกิดในโลกนี้ คริสเตียนไม่ได้โค่นล้มอาณาจักรโรม พระเยซูเสด็จกลับสวรรค์และทุกวันนี้โลกเต็มไปด้วยเผด็จการ ผู้กดขี่และผู้กดขี่ แล้วพระองค์จะทำอย่างไร พระองค์มีสิทธิอำนาจเช่นไร เมื่อไหร่พระองค์จะทรงครอบครองเหนือทุกสิ่ง นี่คือคำถามที่บทเรียนนี้จะตอบท่าน